การบำบัดด้วยพิษผึ้ง




การบำบัดด้วยพิษผึ้ง

1. ดูแลสุขภาพด้วยผึ้งบำบัดแบบองค์รวม (Holistic Apitherapy)

“ผึ้ง” เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่มีประโยชน์อันอัศจรรย์ต่อมนุษยชาติมากมายยิ่งนัก “ผึ้ง” กลายเป็นแมลงเศรษฐกิจที่สามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งมีการเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้ง (Honey) เกสรผึ้ง (Bee Pollen) นมผึ้ง (Royal Jelly) และพรอพอลิส (Propolis) สู่ตลาดและผู้บริโภคที่รักและใส่ใจในสุขภาพ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะกระแสการดูแลสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาแรงมากในปัจจุบัน

คนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้งมาแต่ช้านาน แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าการบำบัดด้วยผึ้งแบบองค์รวมนั้น ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ซึ่งการบำบัดด้วยผึ้งแบบองค์รวม คือ ศาสตร์การผสมผสานวิทยาการผึ้งบำบัด (Apitherpy) เป็นการใช้ผึ้งต่อยโดยพิษจากหล็กในผึ้ง (Bee Venom) จะไปกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย ควบคู่กับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้ง (Bee Products) เพื่อปรับและคงความสมดุลของร่างกายเป็นการบำบัดจากภายใน

“ผึ้งบำบัด” เป็นการใช้พิษจากเหล็กในผึ้ง (Bee Venom) ซึ่งเป็นหลักการปวดตัดปวด เป็นการบำบัดที่ช่วยบรรเทาและรักษาอาการปวดข้อปวดกล้ามเนื้อต่างๆ มาแต่อดีตกาล ก่อนที่ยาเพนนิซิลินและสเตียรอยด์คอร์ติโซนถูกค้นพบ นับตั้งแต่สมัยบาบิโลและอียิปต์ (5,000 ปีก่อน) ส่งต่อมาในยุคกรีกและโรม (2,400 – 2,500 ปีก่อน) และกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคยุโรป ส่วนในด้านเอเชียนั้น “ผึ้งบำบัด” เป็นศาสตร์การรักษาโรคที่ใช้ในแพทย์แผนจีนมานานกว่า 3,000 ปี และในยุควิทยาการสมัยใหม่ (ช่วง 200 ปีที่ผ่านมา) ประเทศในทวีปยุโรปอย่างเยอรมัน ฮังการี ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรเลียและรัสเซีย ได้มีการค้นคว้าวิจัยคุณสมบัติของเหล็กในผึ้งอย่างกว้างขวาง จน “ผึ้งบำบัด” เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพทางเลือกที่ได้รับยอมรับ และขณะนี้ศาสตร์การบำบัดด้วยพิษผึ้ง (การใช้ผึ้งต่อย) ก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในหลายประเทศได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องให้ใช้รักษาคนไข้ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น โดยใช้หลักการเดียวกับการฝังเข็ม

ผลการศึกษาทางการแพทย์ ผึ้งสามารถบำบัดปัญหาจากอาการต่าง ๆ ดังนี้*
1. อาการปวดตามข้อ ข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ เช่น อาการนิ้วล็อค
2. อาการปวดเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน ขาหรือกระจายตามบริเวณร่างกายทั่วไป
3. อาการปวดปลายประสาทตามบริเวณร่างกายอักเสบ อาการปวดเส้นประสาทสมอง
4. อาการปวดไมเกรน
5. อาการไข้รูมาติกชนิดเฉียบพลันและเยื่อบุหัวใจอักเสบ
6. อาการอักเสบจากการผ่าตัดเรื้อรังและเนื้อเยื่อกระดูกอักเสบ
7. อาการปวดรอบวงไหล่จนถึงบริเวณแขน ปัจจุบันเรียกกันว่า ออฟฟิตซินโดรม
8. อาการที่เกิดจากผิวหนังอักเสบการอักเสบ ทำให้ผิวหนังแห้ง ลอก แข็ง เป็นขุย ตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น โรคสะเก็ดเงิน
9. อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขน ขา อาการอัมพาต
10. โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด 11. อาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคเกาท์ รูมาติก รูมาตอยด์

อย่างไรก็ตามการใช้ผึ้งต่อยเพียงอย่างเดียวนั้น เป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานจากภายนอก ซึ่งไม่ถาวร จึงควรรับประทานอาหารเสริมจากผึ้งควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ร่างการปรับสมดุลและเป็นแนวทางที่รักษาสุขภาพแบบระยะยาวและยั่งยืน ดังนั้น การบำบัดโรคด้วยการใช้ผึ้งต่อยควบคู่กับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้งเป็นศาสตร์และศิลป์ในการบำบัดโดยวิถีทางธรรมชาติอย่างแท้จริง เป็นการบำบัดเพื่อการกระตุ้นภูมิต้านทาน กระตุ้นร่างกายให้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และขจัดความปวดออกไปอย่างฉับพลัน นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์ผึ้งจะช่วยรักษาสมดุล และขจัดของเสียในร่างกาย ซึ่งจะนำมาซึ่งความสมดุลของร่างกายโดยรวม ไม่ได้เป็นการบำบัดการเจ็บป่วยเฉพาะจุดเพียงอย่างเดียว แต่มองทุกส่วนที่เป็นองค์ประกอบของร่างกายที่มีความสัมพันธ์กัน

อย่างไรก็ดี ปัจจัยควบคุมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยผึ้งแบบองค์รวมนั้นมีอยู่ 3 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ คุณภาพและความสะอาดของผลิตภัณฑ์ผึ้ง ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บำบัด และสุขภาพพื้นฐานของผู้เข้ารับการบำบัด

ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัท บีโปรดักส์อินดัสตรี้ จำกัด นำโดยเภสัชกรวีระพันธุ์ ตันติพงษ์ ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้ง ผู้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผึ้งมากว่า 30 ปี และได้รับการถ่ายทอดศาสตร์การบำบัดด้วยพิษผึ้ง Bee Venom Theraphy หรือ ที่เรียกกันว่าการใช้ผึ้งต่อย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ผึ้งบำบัดและธรรมชาติบำบัดจากอเมริกา ได้เล็งเห็นคุณค่าของผึ้งและผลิตภัณฑ์จากผึ้งที่มีต่อมนุษย์เรา จึงได้นำศาสตร์แห่งผึ้งบำบัดควบคู่กับการรับประทานผลิตภัณฑ์ผึ้ง ที่สะอาด ได้คุณภาพและมาตรฐาน และมีการวิจัยรองรับนั้น เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันและรักษาสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืนและประหยัด

เภสัชกรวีระพันธุ์ ตันติพงษ์ มีความมุ่งมั่นตั้งใจเห็นว่า แนวทางผึ้งบำบัดแบบองค์รวม (Holistic Apitherapy) โดยใช้พิษจากเหล็กในผึ้ง (Bee Venom) และผลิตภัณฑ์ผึ้ง (Bee Products) เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยบำบัดอาการปวดต่าง ๆ และปัญหาสุขภาพหลายอย่างได้โดยไม่ต้องใช้ยาที่เป็นเคมี จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้และศึกษาผึ้งบำบัดและผลิตภัณฑ์ผึ้งแบบองค์รวม” (Holistic Apitherapy Center) เพื่อเปิดให้บริการเยี่ยมชมท่องเที่ยวศึกษาและบำบัดด้วยผึ้งและผลิตภัณฑ์ผึ้งที่มีคุณภาพระดับสากล ซึ่งใน 2-3 ปีที่ผ่านมา มีผู้สนใจและผู้ที่ชื่นชอบการใช้ศาสตร์แห่งธรรมชาติบำบัด รวมถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเข้ามาศึกษาและบำบัดรักษาสุขภาพด้วยการผึ้งต่อยและผลิตภัณฑ์ผึ้งมากมาย และต่างยอมรับว่าได้ผลดีและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

อย่างไรก็ตาม การใช้ผึ้งบำบัดก็มีข้อจำกัด จากรายงานพบว่า จะไม่ใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและไต กระดูกหัก หญิงตั้งครรภ์ สตรีระหว่างมีประจำเดือน ผู้ที่มีบาดแผลเลือดออกมาก เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ผู้ที่ท้องเสียเฉียบพลันหรือเป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลัน และผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง นอกจากนี้ จะไม่ทำการบำบัดให้ผู้ป่วยที่ดื่มสุราหรือมีแอลกอฮอล์ในร่างกายอย่างเด็ดขาด เพราะจะเกิดอาการแพ้พิษผึ้งและอาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจสุขภาพและทดสอบการแพ้พิษผึ้งก่อนเข้ารับการบำบัด และทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่ง “ศูนย์การเรียนรู้และศึกษาผึ้งบำบัดและผลิตภัณฑ์ผึ้งแบบองค์รวม” (Holistic Apitherapy Center) มีคำตอบให้คุณ.....

ท่านที่สนใจสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลได้ที่
บริษัท บีโปรดักส์อินดัสตรี้ จำกัด
ติดต่อ: 053-553587, 053-558584 Email: bpi@beeproducts.com

แหล่งข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติม

กรณีศึกษา*
1. ผลจากการศึกษาทางการแพทย์ในปี 1992 ของ รูดอฟ เทิช ออสเตรีย รายงานผลว่า จากผู้ป่วย 660 คน รายผลการบำบัดจากโรครูมาติก รูมาตอย์ ได้ดีถึง 82 %
2. ผลจากการศึกษาทางการแพทย์ในปี 1864 ของ ผู้เชี่ยวชาญ ลิโบสกี้ สหภาพโซเวียต รายงานผล ความสำเร็จในการใช้ผึ้งผู้ป่วยจากโรครูมาติกรวมทั้งอาการปวดประสาทเส้นสมองได้อีกด้วย
3. ผลจากการศึกษาทางการแพทย์ในปี 1859 ของ ดร. เดสจาร์ดิน ประเทศฝรั่งเศส รายงานผลการใช้ผึ้ง สามารถบำบัดผู้ป่วยจากโรครูมาติกและโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิผล

ข้อมูลเพิ่มเติม*
• ผึ้งบำบัด (Apitherapy): การบำบัดด้วยพิษจากเหล็กในผึ้ง (Bee Venom) ได้รับการอนุญาตให้ทำอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานของรัฐบาล ในประเทศสหภาพโซเวียต ( The Bureau of the Presidium of the Scientific Committee of the Ministry of Public Health of the USSR, May 10, 1957. Dr. N. P. Yorish USSR
• ผึ้งบำบัดในไทย ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากกรมส่งเสริมการเกษตร (อ้างอิง:หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, มีนาคม 2554)

อ้างอิงข้อมูลจาก* • BEE VENOM: The Natural Curative for Arthritis and Rheumatism, Joseph Broadman, M.D.
• THE BIBLE OF BEE VENOM THERAPY, Bodog F. Beck, M.D.
• HEATLH AND THE HONEY BEE, Charles Mraz
• “ผึ้งบำบัด” ใช้พิษต้านพิษ.บทความจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์, มีนาคม 2554.



2. ผึ้งบำบัด แพทย์ทางเลือกจากอดีตสู่ปัจจุบัน

ผึ้งบำบัดได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์กว่าหลายพันปีตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน โดยการใช้ภูมิปัญยาทางการแพทย์สมัยโบราณ หลังจากนั้นผึ้งบำบัดได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาและได้มีการศึกษา เพิ่มเติมใช้กันหลายยุคหลายสมัยและได้รับการพัฒนาสู่วิทยาศาตร์ ทางการแพทย์อย่างเป็นรูปแบบเริ่มประเทศออสเตรียและฮังการีก่อนแล้วจึงแพร่หลายในประเทศต่างๆ ในยุโรป นอกจากนั้น ประเทศอเมริกา รัสเซีย และจีน จึงนำมาใช้ศึกษาอย่างจริงจังอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบัน ผู้ทีประสบปัญหาจากการรักษาอาการปวดเรื้อรัง และได้รับผลข้างเคียงจากยา และเทคโนโลยีของแพทย์แบบแผนจึงหันมาพึ่งแพทย์ทางเลือกจากธรรมชาติ โดยใช้ผึ้งบำบัดกันมากขึ้น

ผลจากการศึกษาทางการแพทย์ในปี ค.ศ.1888 ของนายฟิลลิปส์ เทิร์ก ชาวออสเตรีย-ฮังการี รายงานผลว่า จากผู้ป่วย 660 คน ผลการบำบัดด้วย ผึ้งจากโรครูมาติก รูมาตอยด์ ได้ผลดีถึง 82%



3. โรคอะไร ที่เหมาะกับการใช้ผึ้งบำบัด

- รูมาติก รูมาตอยด์
- ปวดศีรษะเรื้อรัง โรคไมเกรน
- ปวดหลัง ไหล่ และปวดข้อต่างๆ
- อาการเหน็บชา ตามมือและเท้า
- ความดันโลหิตสูงจากความเครียด
- กล้ามเนื้อแข็ง ตึง กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- อาการแพ้ภูมิตนเอง (SLE)
- เกาต์
- อัมพฤกษ์ อัมพาต
- ริดสีดวงทวาร
- นิ้วล็อค
- ออฟฟิตซินโดรม
- อาการวัยทอง
- ผิวหนังอักเสบ



4. ขั้นตอนการบำบัดด้วยเหล็กในผึ้ง

1. ซักถามปัญหาสุขภาพ ประสบการณ์ที่ได้รับการรักษาและการใช้ยาและบันทึกประวัติ เพื่อติดตามประเมินผล
2. ทดสอบว่าแพ้พิษผึ้งหรือไม่ โดยใช้ผึ้ง 1 ตัว ต่อยที่ไหล่ พอผึ้งปล่อยเหล็กในรอบ 10 วินาที จึงดึงเหล็กไนออก ประเมินผลภูมิต้านทานของร่างกายต่อพิษผึ้ง อาการปกติจะปวด ร้อน บวม แดง ลักษณะมีก้อนโดนัท บริเวณที่ต่าย ในวันต่อมาจะรู้สึกปลอดโปร่ง และสบายตัวมากขึ้น
** หากแพ้จะมีผื่น บวมแดงตามบริเวณจุดที่ไม่ได้ต่อยคล้ายลมพิษ รออีก 30 นาที ก็จะหายไปเอง หรือทานยาแก้แพ้ก็จะอาการปกติ และงดรับการบำบัดสำหรับผู้แพ้พิษผึ้ง**
3. เมื่อทดสอบว่ามีการแพ้พิษผึ้ง ก็จะบำบัดตามอาหารของแต่ละบุคคลไปโดยการนำผึ้งมาต่อยโดยการปล่อยเหล็กในไว้ประมาณ 10-20 วินาทีแล้วเอาออก ครั้งแรกสามารถต่อยได้ 1-3 ตัว เพื่อดูอาการ จึงค่อยนัดหมายในวันถัดไป บริเวณการต่อยมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ การต่อยแบบตรงจุดบริเวณที่ปวด(Local) และการต่อยแบบส่งผลไปยังจุดที่สัมพันธ์กับบริเวณจุดปวด (Distance)



5.ระยะเวลาในการบำบัด

ระยะเวลาการบำบัดขึ้นอยู่กับอาการและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคลรวมทั้งการตอบสนองของร่างกาย บางอาการบำบัดเพียงครั้งเดียวก็หาย เช่น ปวดไมเกรน เครียดจนปวดหัว บางอาการอาจ 2-3 ครั้ง ในกรณีปัญหาสุขภาพหรืออาการที่ต้องการการฟื้นฟู เป็นพิเศษอาจใช้เวลาถึง 3 เดือนหรือการบำบัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะดูอาการตอบสนองของร่างกายและมีการนัดหมายเป็นครั้งๆ ไป

จากจำนวน 8 ใน 10 ของผู้ที่เข้ารับการบำบัดพึงพอใจ และหายได้โดยไม่ต้องใช้ยา เพียงใช้อาหารเสริมจากผึ้งก็จะช่วยให้หายเร็วขึ้น



6. ผู้ที่ควรงดการบำบัด

4. ผู้ที่ทานแอลกอฮอล์ก่อนและหลังการบำบัด 24 ชั่วโมง
5. ผู้ที่ทานยาลดความดันก่อนและหลังการบำบัด 24 ชั่วโมง
6. ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนไม่เพียงพอ ความดันโลหิตต่ำ
7. สตรีเป็นประจำเดือนหรือสตรีมีครรภ์
8. คนที่เนื้อเยื่อ ตับ ไต หัวใจอักเสบ แบบเฉียบพลัน
9. ผู้ที่สัมผัสสารพิษเป็นประจำ



7. อาการที่เกิดขึ้นปกติหลังการบำบัด

หลังการบำบัดหากมีอาการ ร้อน บวม แดง และคัน บริเวณจุดต่อยถือว่าเป็น อาการปกติ ให้ใช้ Propolis Hot Balm ทาบริเวณที่บวมแดง ประมาณ 2-3 วัน หรือบางท่าน จะมีอุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้น 1-28 องศาเซลเซียศ คล้ายกับไม่สบาย คือ มีอาการตัวรุมๆ คล้ายจะเป็นไข้ พักผ่อนสัก 1 วันอาหารก็จะหายเป็นปกติ หลังบำบัดถ้าได้นอนพักสัก 20-30 นาทีจะรู้สึกดีมากๆ



8. ผลิตภัณฑ์ผึ้งเสริมการบำบัด

การบำบัดด้วยพิษผึ้งเป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานจากภายนอก หากต้องการปรับสมดุลได้เร็วขึ้น ควรรับประทานอาหารเสริมจากผึ้งควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลและเป็นแนวทางที่รักษาสุขภาพจากภายในระยะยาวและยั่งยืน การบำบัดด้วยพิษผึ้งเพื่อการกระตุ้นภูมิต้านทาน และร่างกายให้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและขจัดความปวดออกไปอย่างฉับพลัน ผลิตภัณฑ์ผึ้งจะช่วยปรับสมดุล ฟื้นฟู เป็นวัตถุดิบไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และขจัดของเสียออกจากร่างกาย




Certificate



© Copyright 2016 Bee Products Industry Co., Ltd. All Rights Reserved.

บริษัท บี โปรดักส์ อินดัสตรี้ จำกัด
สำนักงานเชียงใหม่ เลขที่ 164/98 ถ.ช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
Tel. (053) 821247-8, Fax. (053) 274900, Email beeproducts063@gmail.com

ID line: bpimk001   Facebook: Beeproductsthai   Instagram: Beeproductsthai   We Chat Wechat: BPI-Shecow